ความเป็นมา
เมื่อครั้งที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเสด็จประพาสหัวเมืองต่างๆ เสนาบดีกรมท่า หรือเจ้าพระยาภาณุวงศ์มหาโกษาธิบดี ได้ออกมาสร้างพลับพลารับเสด็จเพื่อได้ใช้เป็นที่ประทับในโอกาสที่เสด็จประพาสหัวเมืองชายทะเลอย่างอ่างศิลา ต่อมาได้สร้างอีกหลัง (หลังเล็ก) ซึ่งนี้ชาวต่างประเทศได้ไปพักอาศัยอยู่เสมอ เรียกกันในสมัยนั้นว่า “อาศรัยสถาน” และตึกทั้งสองหลังนี้สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชชินีนาถในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าให้บูรณะปฏิสังขรอีกครั้งในระหว่างที่ทรงสำเร็จราชการแทนพระบาทสทเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งเสด็จประพาสยุโรป แล้วพระราชทานนามตึกหลังใหญ่ว่า “ตึกมหาราช” ตึกหลังเล็กว่า “ตึกราชินี”
ภายใน “ตึกมหาราช” หรือที่ชาวอ่างศิลาเรียก คือ “ตึกขาว” ทางเทศบาลตำบลอ่างศิลาได้จัดแสดงวัตถุที่เป็นวิถีทำมาหากินของชาวอ่างศิลา อย่างเป็นหมวดหมู่ คือ ๑. การแกะสลักหิน สิ่งแรกที่คนจะนึกถึงก็คือ “ครกหิน” เพราะครกหินเป็นสัญญลักษณ์ของสินค้าพื้นเมืองที่นำชื่อเสียงมาให้แก่ตำบลอ่างศิลาตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน จึงมีการจัดแสดงหินจากอ่างศิลา อุปกรณ์ในการสกัดครกหินตามภูมิปัญญาที่สืบทอดต่อกันมา ๒. การทำประมง อาชีพประมงเป็นอาชีพหลักอย่างหนึ่งของชาวอ่างศิลาที่มีมาแต่โบราณ เป็นการประมงชายฝั่งที่จับสัตว์น้ำด้วยวิธีต่างๆ เช่น การทำโป๊ะ อวนลาก อวนล้อม อวนลอย เลี้ยงหอยแมลงภู่ และหอยนางรม เป็นต้น และ ๓. การทอผ้าอ่างศิลา ซึ่งปัจจุบันหาชมได้ยาก ยังคงเหลือแต่คุณยายไอซ์ หรือนางสาย เสริมศรี ภูมิปัญญา “ผ้าทออ่างศิลา” มีอายุกว่า ๘๐ ปี คุณสมบัติพิเศษของผ้าทออ่างศิลาคือ “ยิ่งซักยิ่งนุ่ม” เนื่องจากนำเส้นด้ายไปนวดกับข้าวเจ้า(ข้าวสุก)ก่อนทอ เมื่อนวดจนข้าวเจ้าเป็นเนื้อเดียวกับเส้นด้ายแล้ว จึงนำไปตากโดยไม่ต้องล้างน้ำ เมื่อเส้นด้ายแห้งแล้วจึงนำมาทอด้วยกี่กระตุก ลวดลายผ้าทอ อาทิ ลายดอกพิกุล ซึ่งเป็นลายที่ทำได้ยาก จึงทำให้มีราคาค่อนข้างสูง ปัจจุบันคุณยายไอซ์ยังถ่ายทอดและสอนวิธีการทอผ้าให้กับนักเรียน ๒-๓ คน แต่ทุกวันนี้ยังไม่มีใครสามารถทำ หรือจำวิธีหรือลวดลายในการทอได้แม่นยำ หากคนรุ่นหลังยังขาดความสนใจ ผ้าทออ่างศิลา ๑๐ ผืนที่หลงเหลืออยู่ในบ้านยายไอซ์ อาจเป็น ๑๐ ผืนสุดท้ายที่คุณยายไอซ์ทอฝากไว้ให้ลูกหลานได้ชื่นชม และอาจเป็นเพียงตำนานเล่าขานต่อไป
รูปแบบทางสถาปัตยกรรม “ตึกมหาราช” นั้นรูปทรงเป็นการผสมผสานระหว่างไทย จีน และตะวันตก เป็นการก่ออิฐถือปูน 2 ชั้น หลังคาทรงปั้นหยา เอียงลาดมาด้านหน้าเป็นจั่วมุงกระเบื้อง ไม่มีชายคายื่นจากผนังโดยรอบ ไม่มีกันสาดบังแดดฝนให้แก่หน้าต่าง ใช้ซุ้มโค้งครึ่งวงกลมตรงชั้นล่างส่วนหน้ามุข มีบันไดทางขึ้นแยกเป็น 2 ทางขึ้นสู่มุขตรงกลางอาคาร ส่วนรูปแบบของสถาปัตยกรรมของ “ตึกราชินี” เป็นที่นิยมกันในสมัยรัชกาลที่ 4 คือเป็นอาคารก่ออิฐถือปูน 2 ชั้น มีส่วนระเบียงติดกับพื้นดินรองรับส่วนหน้าอาคารที่สัมพันธ์กับพื้นที่ดินที่เอียงลาด หลังคาทรงปั้นหยายกจั่ว ส่วนหน้าของอาคารหันหน้าออกทะเล มีมุขยื่นออกมาทั้งชั้นล่างและชั้นบน ชั้นล่างบริเวณมุขเป็นผนังทึบ มีประตูซุ้มโค้งตรงส่วนมุขชั้นล่าง โดยมีบานประตูรูปโค้งตามกรอบ ส่วนบนเป็นกระจก ส่วนล่างเป็นบานลูกฟักไม้ หน้าต่างบานคู่ ส่วนบนเป็นกระจกช่องแสง ลูกกรงและระเบียงเป็นปูนปั้นมะหวด ส่วนเฉลียงระเบียงลูกกรงนั้นใช้เป็นทางสัญจรและที่รับลม ซึ่งช่างไทยออกแบบตามความต้องการของชาวต่างประเทศที่จะใช้อาคารนี้เป็นที่พักผ่อนชายทะเล
ตั้งอยู่ริมทะเลปากทางเข้าตลาดเก่าอ่างศิลา ตำบลอ่างศิลา อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี
ข้อมูลจาก: https://thailandtourismdirectory